ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะเคยรู้สึกแบบฉันรึเปล่านะ ฉันรับรู้ได้ถึงความสุขที่เกิดจากความสงบ และนิ่ง ไม่มีอะไรมาวิ่งวนอยู่ในหัวและไม่มีอะไรกวนใจให้ขุ่น ฉันรับรู้ได้ถึงความสุขที่เกิดจากความเป็นปกติของแต่ละวัน ฉันรู้สึกชอบและอยากจะมีความสุขที่เกิดจากความรู้สึกแบบเนี้ยไปเรื่อย ๆ
ไม่ต้องเก็บอะไรมาคิด .. หลับสบายดี ไม่ต้องกังวลใจว่าใครจะคิดอะไร .. เพราะไม่ได้ไปทำอะไรให้ใคร การที่ฉันพยายามจะอยู่ในศีล .. ก็ทำให้ฉันไม่ได้ทำร้ายใครโดยตั้งใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยการกระทำ .. หรือว่าวาจา เลยไม่ต้องมีเหตุให้เป็นกังวลใจนั่นเอง
ฉันก็ดำเนินชีวิตของฉันไป .. เช้าก็ไปทำงานตามหน้าที่ ตกเย็นก็มีหนังสือให้อ่านบ้าง มีทีวีให้ดูบ้าง .. วันไหนวันพระ ก็สวดมนต์
ฉันว่าฉันติดใจชีวิตแบบเนี้ยเสียแล้วหละซิ
และเมื่อใดที่ฉันรู้สึกว่า มีความวุ่นวายล้อมตัวฉันไว้ ฉันรู้สึกอึดอัดและไม่มีความสุข เมื่อใจของฉันต้องไปแขวนอยู่กับความรู้สึกของคนอื่น ฉันจะรับรู้ได้ทันทีว่า .. ฉันเริ่มไม่สงบสุขอย่างที่เคยแล้ว ฉันเริ่มไม่นิ่งแบบที่เคยแล้ว .. ความรู้สึกอยากให้คนนั้นเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ มันเกิดขึ้นในใจ ความรู้สึกสับสนว่า คนโน้นคิดยังงัย กับสิ่งที่เราทำ มันเริ่มผุดเข้ามา
วันนี้..ฉันจึงนั่งถามตัวเองว่า ฉันรู้สึกอึดอัดและไม่มีความสุขเพราะอะไรกันแน่ แล้วฉันก็ได้คำตอบ .. ฉันรู้สึกไม่สงบนั่นเอง เลยทำให้ฉันไม่เป็นสุข ฉันไม่สงบด้วยความ " อยาก " ต่าง ๆ นานา
อยากให้คนนั้นเข้าใจ อยากให้คนโน้นรับฟัง อยากให้หลายคนคิดตรงกับเรา อยากอย่างนั้น อยากอย่างนี้
ฉันกำลังนั่งไตร่ตรองจิตใจตัวเองว่า ความอยากเหล่านั้น .. มันคือความอยากที่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ฉันกำลังพยายามจะรู้เท่าทันความรู้สึกและความคิดของตัวเองอยู่ มันแปลกนะ .. แต่ก่อน ฉันก็ดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายแบบนั้น และก็มีความอยากที่ทำให้เป็นทุกข์ล้อมตัวอยู่เสมอ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไร เหมือนอย่างตอนนี้เลย นั่นคงเป็นเพราะฉันยังไม่เคยรู้จัก ความสุขที่มาจากความสงบ
แต่เผอิญว่าวันนี้ฉันรู้จักความรู้สึกนั้นเสียแล้ว .. ฉันจึงคิดที่จะละ และวางความอยากทุกอย่างลงโดยฉับพลัน เพื่อจะทำตัวเองกลับเข้าไปสู่ความรู้สึกสงบ และ นิ่ง เหมือนที่เคยเป็น
............................
เมื่อวานแวะไปที่ออฟฟิตเก่า มีคนทักว่า อ้วน ( ตามระเบียบ ) แล้วก็มีคนทักว่า หน้าใส ไปทำอะไรมา ไปเข้าคอร์สนวดหน้ามาอีกเหรอ ความคิดแวบแรกที่ผ่านเข้ามาคือ ..
ฉันถือศีล .. ฉันพยายามจะอยู่ในศีล
นั่นคือประเด็นที่ฉันกับน้องมิงค์เคยคุยกัน แล้ววันนี้ .. มันเกิดผลในตัวฉันอีกแล้ว หน้าใส .. ไม่หมอง คงมาจากใจที่เสพความสงบแบบที่ฉันติดใจแน่ ๆ
ฉันยิ่งไปได้อ่านคำสอนของสมเด็จพุฒาจารย์ โต ในไซเล้ง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหละหลวม ในเรื่องการผลัดผ่อน จึงคิดว่าควรจะต้อง มีสัจจะกับตัวเองให้มากกว่านี้
บ่ายนี้คนที่ออฟฟิตเลยเห็นฉันวิ่งถามหาปฎิทินที่มีวันพระ เพราะของฉันที่โต๊ะไม่มีวันพระบอก .. ฉันก็ไปหามาจนได้ แล้วก็เอาปากการะบายสีไว้ .. ทุกคนก็งง แล้วถามว่า เพื่ออะไร ? ฉันก็เลยบอกไปว่า ฉันตั้งใจว่าวันพระฉันจะถือศีล และไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วก็จะซื้อพวกมาลัยกลับไปไว้พระสวดมนต์ในทุกวันพระไปนับแต่วันนี้ ฉันจะต้องประคองและรักษาสัจจะกับตัวเองให้มั่น
ฉันต้องรักษาสัจจะกับตัวเองให้ได้ ..
31 ส.ค. 2548
เวลา 19:21 น.
|