วางเป้าหมายให้ชัด “สอนให้ลูกรู้จักประเมินตัวเอง” พร้อมลงมือทำให้เต็มที่
{ ยาวมากนะคะ แต่ถ้าลูกอยู่ ป.4 อยากให้ลองอ่านกัน }
การสอบเข้า ม.1 สำหรับหลาย ๆ บ้านอาจจะไม่ใช่ “จุดสำคัญ” แต่ในทางกลับกันการสอบเข้าครั้งนี้ อาจจะเป็น “จุดเปลี่ยน” ของอีกหลายบ้านเช่นกัน ไม่ว่าเราจะมองมุมไหน ถ้าเราพ่อแม่มองเห็น “โอกาสในการฝึกฝนลูก” มันดีงามเสมอค่ะ แม่ยุ้ยจะเล่าให้ฟังว่าบ้านเรามองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
1. วางเป้าหมายให้ชัดเจน : บ้านเราเริ่มพูดคุยกับลูกเรื่องการเรียนมัธยมที่ไหน ? ตั้งแต่ลูกเริ่มขึ้น ป.4 เพราะเรามีโรงเรียนมัธยมใกล้บ้านที่เป็นโรงเรียน “แข่งขันสูง” และด้วยปัจจัยหลาย ๆ ด้านทำให้เรารู้สึกว่า “โรงเรียนนี้ลงตัว” กับครอบครัวเรา มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือ “สอบเข้าให้ได้”
แม่เริ่มเตรียมความพร้อมลูกด้วยการชวนกันคุยถึงเรื่องโรงเรียนในแง่มุมต่าง ๆ ลูกที่เรียนระบบสองภาษา ไม่ได้เน้นวิชาการอะไรมาก ซึ่งแม่ตั้งใจไว้เช่นนั้นในวัยประถมต้น เราขยับลูกออกจากพื้นที่เดิม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การสอบเข้าโรงเรียนมัธยม เราย้ายโรงเรียนที่เน้นวิชาการขึ้นมาหน่อย ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรม จากการเรียนที่ไม่ได้จัดลำดับที่ ไม่มีประกาศคะแนน ลูกเราได้รู้จัก ลำดับที่ในการสอบ ได้รู้จักการติดบอร์ดคะแนนผลสอบสำหรับเด็กเรียนดี
แล้วเราก็ให้เวลาลูกปรับตัวค่ะ ทำใจเลยว่า ปี ป.4 ทั้งปีคือการปรับตัวใหม่ทั้งหมด คำถามมากมายมีมาให้แม่ตอบเสมอ แม่ก็ตอบทุกคำถามด้วยความจริงในมุมมองของครอบครัวเรา
แม่ไม่ได้มีเงินมากมายส่งหนูเรียนเอกชนไปได้ตลอดนะลูก และโรงเรียนรัฐบาลแม่คิดว่าเขามีกิจกรรมมากมายให้ลูกได้ลองทำ มีโอกาสหลาย ๆ อย่างให้ลูกได้ลองทดสอบ และสามารถเข้าถึงทุนการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ได้มากกว่า ที่สำคัญทีนี่ใกล้บ้าน อีกหน่อยลูกจะไปกลับเองได้
นี่คือเป้าหมายที่ชัดเจนของเรา แม่ค่อย ๆ อธิบายให้ลูกเข้าใจทีละน้อย ซึ่งไม่ง่ายค่ะในการทำความเข้าใจ เป็นไปตามจังหวะของวัยด้วย และปี ป.5 เทอม 2 ลูกค่อยๆ ดูเข้าใจถึงสิ่งที่จะต้องทำมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าไม่เร็ว แต่ก็ยังไม่ช้าจนเกินไป เราก็เริ่มต้นลุยกันไปในแบบที่ลูกเราไหว
2. สอนลูกประเมินตัวเอง : แม่ยุ้ยเอาคะแนนสอบทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนมานั่งดู ตั้งแต่ย้ายโรงเรียนตอน ป.4 ทางโรงเรียนแนะนำให้ส่งเด็กสอบวัดระดับความรู้อยู่เรื่อย ๆ เพื่อฝึกไม่ให้”เด็กตื่นห้องสอบ” แม่ก็ลงมันทุกสนามเลย ลูกก็ไปสอบ เต็มใจบ้าง ไม่เต็มใจบ้าง แต่ทุกครั้งมีคะแนนสอบกลับมาค่ะ ดีบ้าง ไม่ดีบ้างไปตามเรื่อง แต่ที่แม่เห็นคือ ความตั้งใจค่อย ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ จากเดิมที่ ไปสอบให้มันจบ ๆ ไป หน้างอคอหัก บ่นไปเรื่อยทำไมต้องสอบ แม่จะให้สอบทำไม ทุกครั้งแม่ก็จะบอกว่า หนูจะได้ไปฝึกการอ่านข้อสอบ การเขียนรายละเอียดในข้อสอบ และการจัดการเวลาในห้องสอบไงลูก แม่ไม่เน้นคะแนน แค่อยากให้หนูโอเคกับบรรยากาศแบบนี้ หนักที่สุดที่เจอคือ หนูไม่ไปสอบนะแม่ สนามนี้ ซึ่งบอกแม่ก่อนสมัคร แม่โอเค เพราะถ้าสมัครแล้ว ปลาทูจะรู้เลยว่า เราเสียเงินค่าสอบไปแล้ว ไปสอบให้ได้ข้อสอบกลับมาบ้านก็ยังดี
ช่วง ปิดเทอม ป.5 ปลายภาคเรานั่งคุยกันค่ะ ว่าปี ป.6 สำคัญมากนะ จากที่เรียนมา สอบมา มีจุดไหนบ้างที่หนูดีขึ้น หนูปรับปรุงได้ดีขึ้นมาก ๆ และมีจุดไหนบ้างที่หนูยังทำได้ไม่ดี ช่วยกันหาสาเหตุว่า มันเกิดมาจากอะไร เราจะต้องปรับตรงไหนกัน ซึ่งการคุยกันแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ป.5 ปลาย ๆ มาจนทุกวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่ไม่พอใจ ทำไมแม่ต้องเอาเรื่องเก่ามาพูดอีก มันเทียบกันไม่ได้เลยนะแม่ การสอบแต่ละครั้ง แม่ก็อธิบายว่า มันเทียบกันไม่ได้ อันนี้จริงลูก แต่สิ่งที่เรามองให้เห็นได้คือ ความพยายาม และความตั้งใจที่เรามี เราควรจะใส่ที่จุดไหนมากขึ้น ขาดตรงไหน อยากให้แม่ช่วยตรงไหน บอกแม่ได้ ความสุขในการอ่านหนังสือแต่ละวิชาของหนู มันก็บอกอะไรได้มากมายนะลูกนะ หนูลองมองย้อนกลับไปแล้วทบทวนตัวเองดู แล้วเรากลับมาคุยกันใหม่
ลูกเริ่มได้กลับไปนั่งคิด เริ่มหันไปมองเพื่อนรอบ ๆ ตัว เริ่มย้อนกลับมามองที่ตัวเองอีกครั้ง และขอแม่เรียนพิเศษตอนเย็นเพิ่มที่โรงเรียนในช่วง ป.6 เทอม 1 วิชาคณิต และ วิทย์ เริ่มหาคลิปติวฟรีใน youtube มาดู เริ่มทำแบบฝึกหัดในหนังสือติวที่ซื้อมา เริ่มจัดตารางอ่านหนังสือ
3. พร้อมลงมือทำให้เต็มที่ : พอเข้าใจทั้งเป้าหมายและรู้จักตัวเองแล้ว ทีนี้ก็คือการลงมือทำ แม่ยุ้ยคุยกับปลาทูว่า ทุกคนมีเป้าหมายหมดลูก แล้วใคร ๆ ก็อยากทำสำเร็จหมดทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สมหวังดังที่ตั้งใจ การสอบเข้า คือการวัดความพร้อม ใครพร้อมมากกว่าในวันสอบก็ผ่านเข้าไปได้ เรามีเวลาในการเตรียมความพร้อมที่นับถอยหลังทุกวัน หนูคิดนะว่า หนูจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ยังไงได้บ้าง และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ สุขภาพ อย่านอนดึกมากจนป่วย และวันใกล้สอบต้องรักษาตัวเองให้ดี ๆ เพราะถ้าป่วยวันสอบ ทุกอย่างที่เตรียมมาจะไม่ได้ใช้ หรือใช้ได้ไม่เต็มที่
แล้วคำว่า “ทำให้เต็มที่” จะช่วยให้หนูรู้สึกไม่เสียดายกับผลที่ออกมา จะไม่รู้สึกว่า รู้อย่างงี้ตอนนั้นนะ ทำแบบนี้ ทำแบบนั้น หนูควรลองทำทุกอย่างให้เต็มที่ในแบบที่คิดนะลูก จะได้ไม่ต้องมาเซ็งเวลาผลมันออกมาแล้วไม่ได้ ถ้าเราทำเต็มที่ เราจะไม่เสียดาย เพราะเราทำทุกอย่างที่เราคิดว่าควรทำหมดแล้ว
อย่ามั่นใจ อยู่บนความไม่พร้อมนะ การเรียนดีในโรงเรียนไม่ได้การันตีอะไรได้เลยเมื่อออกมาสู่สนามสอบภายนอก เรามีคะแนน Pre-Test ตอน ป.5 เป็นตัวยืนยันคำอธิบายนี้ และบรรยากาศในการเรียนของเพื่อน ๆ ก็เป็นตัวบอกอะไรได้ไม่น้อย ลูกกลับมาบอกหลังจากไปเรียนติวว่า แม่ มีเพื่อนเขาเรียนต่อที่อื่นด้วยหลังจากเลิกทีเรียนกับหนู บางคนเรียนถึง สองทุ่มทุกวันก็มี บางคนวันธรรมดาก็เรียนทุกวัน
แม่เลยโยนคำถามกลับไปว่า แล้วหนูคิดว่าถ้าต้องลงสนามสอบเดียวกัน หนูคิดหนูพร้อมพอไหม ถ้าเพื่อนๆ ที่ต้องสอบแข่งกับหนูเขาเตรียมตัวขนาดนนั้น แม่แค่อยากให้หนูมองจุดนี้ไว้ในวันที่หนูขี้เกียจ และไม่อยากอ่านหนังสือนะ แต่เราก็ต้องประเมินตัวเองให้ดีลูก ไหวแค่ไหน
………………………………………..
แม่กับพ่อคุยกันว่า การสอบเข้าของเด็กยุคนี้ ไม่มีคำว่าฟลุ๊คนะ หรือถ้าฟลุ๊คสอบเข้าไปได้ ตอนเข้าไปเรียนจริง ๆ ก็เหนื่อย สิ่งที่ควรทำคือ ปูพื้นฐานให้ดี เตรียมตัวเองให้พร้อม เลือกสนามสอบที่ดูกำลังตัวเองแล้วเราคิดว่าเราสู้ไหว รู้ไหมคะว่า บางโรงเรียน เด็กที่สอบ เรียนพิเศษ หรือเตรียมตัวเองกันล่วงหน้า ตั้งแต่ ป.4 นั่นคือ 3 ปีเต็ม ๆ เราพร้อมจะสู้กับกลุ่มนี้แค่ไหน เราต้องประเมินตัวลูกเราด้วยนะ
การมีเวลาเตรียมตัวนานเป็นเรื่องที่ดีค่ะ และควรเตรียมตัวแบบไม่เครียดจนทุกข์ ไม่กดดันลูกจนไม่เหลือความสุขในชีวิตเลยนะ มันหนักหนาในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่า มันจะหนักจนยิ้มไม่ออกก็ไม่ใช่ ลองเปลี่ยนมุมทำให้มันสนุก เร่งบ้าง ผ่อนบ้าง ว่ากันไป
อยากจะให้บ้านที่ลูกกำลังจะขึ้น ป.4 ปีหน้าได้อ่านกันนะคะ จะได้มีเวลาเตรียมตัว ยังไงการมีเวลาเยอะหน่อยก็ดีกว่า แต่ระดับความเข้มข้นของแต่ละบ้าน ก็ต้องประเมินกันเอาเองนะคะว่า ลูกเราไหวแค่ไหนนะ ไม่มีสูตรตายตัว ดูตามกำลังลูกเอานะ
เด็กไม่เรียนพิเศษสอบติดก็มีมาก แต่แม่ยุ้ยเชื่อว่าเด็กไม่เรียนพิเศษที่สอบติดเหล่านั้น มีการเตรียมตัวที่ดีและเป็นระบบมาก เด็กทีเรียนพิเศษก็มีทั้งสอบติดและไม่ติด
สุดท้าย เราต้องไม่ลืมว่า เราต้องให้กำลังใจลูกเสมอ สอบติดหรือไม่ติด ได้หรือไม่ได้ เขาก็ยังเป็นลูกที่เรารักไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ ผิดหวังได้ เราลุกมาสู้กันใหม่ได้ตลอด ครั้งนี้ไม่ติด ม.4 เราก็ยังมีโอกาสอีกครั้ง มันไม่ใช่การสอบครั้งสุดท้ายสักกะหน่อย เรียนรู้กันไปพร้อมๆ กันกับลูกนะคะ
ส่งกำลังใจให้ทุกบ้านที่กำลังจะสอบในปีเดียวกัน
Cr. Font หมาจ๋า from https://www.dogplease.com/my-font