นอนอยู่แต่บนเตียง .. กินยา แล้วก้อหลับ .. ไอแล้วไออีก กินยาอยู่สองวันก้อไม่ดีขึ้น นอนซมอยู่บนเตียงให้ปอคอยหาโน้นหานี่ให้กินอีกแล้ว .. เป็นหวัดคออักเสบคราวนี้รู้สึกแย่กว่าทุกที นอกจากเจ็บคอไปหมดแล้วยังมีอะไรเจ็บในความรู้สึกลึก ๆ ให้คิดอยู่เหมือนกัน
ปีนี้..ถือว่าเป็นปีที่มีแต่เหตุการณ์แย่ ๆ ทั้งนั้นเลย ฉันเข้า รพ. ไปตอนต้นปี ออกจาก รพ. มาก้อพอป่วย พอปอออกจาก รพ. แม่ปอก้อเสีย เนี้ยพอเสร็จเรื่อง ฉันก้อมาป่วยอีก .. ปีนี้เป็นปีที่เรียกว่าขาลงของเราสองคนจริง ๆ เลย มีแต่เรื่องทั้งนั้น
ฉันน่ะสุขภาพไม่ค่อยดีแบบนี้จนหลายคนใกล้ตัวชินเสียแล้วหละ ... แต่ถ้าถามฉัน ฉันก้อไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าเลือกได้ ฉันก้ออยากจะแข็งแรงเหมือนคนอื่น ๆ เหมือนกัน เพราะฉันไม่อยากหยุดงาน ไม่อยากลาป่วย ไม่อยากทำงานเอาเงินไปให้หมอทุกเดือน ... ถ้าฉันเลือกได้ ฉันก้อไม่ขอเลือกที่จะเป็นแบบนี้แน่นอน รับประกัน
แต่เนี้ยฉันเลือกไม่ได้ .. ฉันหยุดงานบ่อยมาก ๆ ปีนี้ ฉันไปหาหมอจนหมอทักว่า สุขภาพไม่ค่อยดีเลยนะปีนี้ เพราะหมอเจอนู๋บ่อยมาก ๆ นอนป่วยอยู่สามวันนี้ก้อคิดเยอะเหลือเกิน
เพื่อนบางคนบอกว่าฉันทำตัวเป็นเครื่องจักร ทำแต่งาน .. ตอนนี้ฉันคงเป็นเครื่องจักรที่ดวงตกด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจาผุ ๆ พัง ๆ แล้วยังมีเรื่องปวดหัวอยู่ได้เรื่อย ๆ
ตอนนี้ฉันอึดอัดใจกับสภาวะรอบข้างพอสมควร ถึงค่อนข้างมาก และยังคงต้องยืนอยู่ท่ามกลางความอึดอัดใจที่มีอยู่ ... แต่วันนี้ขีดความอดทนของฉันมันลดน้อยลงบ้างแล้ว จากที่ฉันซ่อนความรู้สึกโกรธ หรือไม่พอใจไว้ลึก ๆ จนไม่มีใครสักเกตได้ วันนี้ฉันมีอาการนิ่ง ไม่มีคำตอบให้กับคำถามของคนที่ฉันไม่อยากวุ่นวายด้วย ..
แต่ฉันก้อยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ทำให้ฉันอึดอัดอยู่แบบนี้ โดยที่ฉันไม่สามารถจะวิ่งหนีไปไหนได้ ... เพราะฉันเลือกที่จะไม่หนีเองด้วย ฉันจะยืนอยู่แบบนี้ ยืนอยู่ด้วยอาการนิ่ง ๆ ไม่รับรู้ ไม่ตอบสนองกับบางเรื่อง วันนี้ฉันพยายามจะทำใจให้มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอในขั้นหนึ่งของชีวิต และต้องผ่านมันไปให้ได้
พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงาน .. ต้องไปทำหน้าตายิ้มแย้มในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ แต่ฉันจะไปทำหน้าที่ของฉันให้ดีเท่าที่ฉันพอจะทำให้ได้ดีตามกำลังที่ฉันมี เพราะหลายคนคงมองว่าฉันทำงานไม่เต็มที่ เพราะทำไปป่วยไป .. ฉันไม่แก้ตัว ไม่ตอบปฎิเสธ เพราะมันคือความจริง ที่ฉันหยุดเพราะฉันป่วย แต่ฉันก้อป่วยจริง ๆ
มีความคิดนึงผุดขึ้นมา คนบางคนที่ออฟฟิตเป็นประเด็นในวงสนทนาของพวกชอบเม้าท์ว่ากำลังจะโดนบีบให้ออก แต่ฉันก้อเห็นเค้ายังมาทำงาน .. ฉันเลยคิดว่า ฉันแย่ขนาดจะโดนบีบออกบ้างรึเปล่า ?? และฉันก้อคิดว่า ฉันยังสามารถทำประโยชน์ได้มากกว่าที่จะโดนบีบออกอย่างไม่ใยดี .. ความคิดนี้ทำให้ฉันยังพอจะมีกำลังใจบ้าง
การเป็นขี้ปากใครเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสังคมออฟฟิตมั้ง ?? คนบางประเภทน่ากลัวกว่าที่เราคิดไว้เยอะนัก ... แต่สิ่งนึงที่สังคมแบบนี้สอนฉันคือ ฉันควรจะต้องยิ้มให้ได้กับทุกคน เพราะฉันไม่มีทางรู้เลยว่า ในใจคนที่ยิ้มให้ฉันพวกนั้น เค้าคิดอะไร .. แต่ฉันก้อไม่ได้หวังจะเป็นคนดีในสายตาคนพวกนั้น วันนี้ฉันเพียงแต่พยายามจะทำตามหน้าที่ ไม่ให้ใครว่าฉันได้ ก้อเท่านั้นเอง ...
นอกจากจะป่วยด้วยอาการหวัดลงคอแล้ว วันนี้ฉันยังป่วยทางความรู้สึก ในประเด็นของความมั่นใจ และความเชื่อใจในตัวบุคคลรอบข้างบางประเภทอีกด้วย ... แต่ฉันก้อได้เรียนรู้ว่า ฉันควรจะตีหน้าทน ทนกับภาวะบางอย่างให้มากกว่านี้ .. ไม่แน่นะ พรุ่งนี้ฉันอาจจะยิ้มแย้มได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก้อได้ .. แต่ยิ้มแบบไม่มีความรู้สึกร่วมไปด้วยเท่านั้นเอง
พระท่านบอกว่า ไม่ควร ยึดมั่น ถือมั่น และควรอยู่กับปัจจุบันจิต ..ฉันจะไม่ยึดมั่นถือมั่น และทำอย่างที่แม่บอกวันนี้ว่า ถ้าอะไรมันจะเกิด เราก้อต้องยอมรับ ไม่มีอะไรยากให้ต้องปวดหัวเสียหน่อย
ภาวะป่วยกาย และ ป่วยทางความรู้สึก
10 พ.ย. 2546
เวลา 21:36 น.
|