มีหลายคนทักว่า ไปทำอะไรมา หน้าตาหมองคล้ำ ฉันก็ตอบกลับไปว่า โดนของ น่ะพักนี้ ของที่โดนเนี้ย ของใหญ่เสียด้วย มีงานโปรเจคใหญ่เข้ามาติด ๆ กันสองงาน เล่นเอานอนวันละไม่กี่ชั่วโมงมาครึ่งเดือนได้แล้ว แล้วที่สำคัญคือ มีชีวิตดำรงอยู่ได้ด้วยกาแฟ แค่เนี้ยก็ทำให้หน้าตาเหมือนโดนน้ำมันพรายดีดใส่แล้ว
เมื่อคืนก็กลับถึงห้องห้าทุ่มกว่า ปอก็มานั่งรอทุกวัน .. จนจะเป็นพนักงานบริษัทเราไปแล้ว วันนี้ปอไม่สบาย ไข้ขึ้น คงเพราะเมื่อคืนกลับบ้านเปียกฝน แล้วก็ต้องนอนดึกตามฉันไปด้วย น่าเห็นใจจัง
วันนี้ฉันก็ยังคงมานั่งทำงานด้วยอาการเบลอ ๆ สิ่งทีรู้สึกได้คือ ทำไมวันศุกร์มันมาถึงเร็วจัง แต่กระนั้นก็ไม่มีผลอะไรเพราะต้องหอบงานไปทำบ้าน วันหยุดที่ผ่านมาก็เอางานกลับไปนั่งทำงานที่บ้านแม่
พักนี้รู้สึกถึงความตึงเครียดนอกเหนือจากเรื่องงาน รอบ ๆ ตัวฉันมีปัญหาของเพื่อนร่วมงานลอยอยู่ แต่รู้สึกโชคดีว่าตอนนี้ฉันไม่มีปัญหากับใคร แต่ก็รู้สึกเห็นใจสำหรับคนที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้
บางครั้งฉันรู้สึกว่า การแก้ปัญหาที่จะดีกับทุกฝ่ายคือ การยอมรับ และ ปรับเข้าหากันมากขึ้น ไม่ใช่การคิดว่า จะออก หรือ อยากจะให้อีกฝ่ายหนึ่งออก องค์กรคงไม่อยากจะเสียใครไปสักคนนึงหรอกในภาวะนี้ แต่จะทำยังงัยให้อยู่ด้วยกันได้มากกว่า
ฉันก็ได้แต่รับฟัง กับช่วยคุยกับพี่เค้าได้บ้าง บางทีก็รับฟังคำบ่นเพื่อการระบายของทั้งสองฝ่าย มันทำให้ฉันตระหนักอย่างนึงว่า ถ้าคนเรายึดความเป็นตัวเอง น้อยลงกว่านี้ โลกคงสงบสุขมากขึ้น ..
หรือไม่ ทำไมไม่ทำแบบที่พระสงฆ์ทำกัน ปาวรนาตนน่ะ .. แต่ต้องมีการเปิดใจจริง ๆ นะ และต้องปรับให้ยอมรับกันได้จริง ๆ ด้วย ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด อย่างน้อย ๆ สักเสี้ยวนึงก็ยังดี
โชคดีของฉันแล้วที่รอดพ้นวงจรปัญหาแบบนี้มาได้
19 ส.ค. 2547
เวลา 13:17 น.
|