การตั้งมั่นในการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ของฉันยังไม่สมบูรณ์ และมีช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มันแลดูว่าจะขาดกระจาย แต่เมื่อคืนก่อนและคืนนี้ ฉันหยิบหนังสือกลับมาอ่าน เพราะมีเวลาว่างมากขึ้นกว่าที่จะสวดมนต์เหมือนที่ทำประจำ
หน้าที่ฉันเปิดไปอ่านต่อจากที่ค้างไว้ พูดถึงเรื่องการรักษาศีล .. และมีสิ่งสะดุดใจฉันคือ พอเราเริ่มตั้งมั่นจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์นั้น มักจะมีสิ่งมาทดสอบ หรือว่ามีเครื่องวัดใจผ่านเข้ามามากกว่าปกติ ซึ่งฉันรู้สึกได้ว่า ฉันก็เพิ่งผ่านการทดสอบนั้นไป แต่ผลคือ ฉันสอบตก ..
ต้นเดือนก่อนฉันได้นำไวน์จากไร่องุ่นญาติปอมาช่วยขาย ด้วยความคิดที่อยากจะช่วยการค้าขายในครอบครัว และก็ได้คุยกับน้องมิงค์ว่า พี่จะบาปมั๊ยนะ ? เพราะเป็นการนำของที่จะพาให้คนอื่นละเมิดศีลมาขายเค้า มิงค์บอกว่า อาจจะไม่ถึงกับบาปมาก แต่อาจจะทำให้เราระลึกสติได้ยากขึ้น วันนี้ได้ยินคำพูดของมิงค์ก้องอยู่ในหัวจริง ๆ
สองสัปดาห์นี้มีเหตุจริง ๆ ในออฟฟิตของฉันมีเหตุ มีเหตุให้รู้สึกต้องเอ่ยปากถึงคนอื่น ซึ่งฉันพยายามจะรักษาศีลข้อ 4 ฉันละเมิดศีลข้อนี้ เพราะอารมณ์ที่ฉันไม่สามารถจะควบคุมได้ ด้วยความรู้สึกที่ว่า ฉันไม่เคยพูดถึงเธอคนนั้นในแง่ลบ แต่ทำไมเธอช่างสรรหาอะไรมาเอ่ยถึงฉันในแง่ลบได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เธอทำอยู่นั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกที่ควร การละเมิดศีลข้อ 3 ของเธอนั้นมันออกจะโจ่งแจ้ง ด้วยโทสะ และ โมหะ ทำให้ฉันไม่สามารถจะควบคุมสติได้ สิ่งที่ฉันได้รับฟัง และรับรู้ กรุ่นอยู่ในใจ ทำให้จิตใจฉันตกหล่นลงไปในระดับที่ต่ำกว่าเดิม ฉันไม่รู้ว่าการที่ฉันรู้สึกแบบนี้กับคนอื่น มันผิดศีลรึเปล่า ฉันรู้สึกว่า .. ทำไมเธอคนนั้นถึงได้ร้ายกาจจัง ใจคอทำด้วยอะไร และได้มีการชี้แจงในสิ่งที่เธอได้กระทำต่อฉันให้เพื่อนฟัง ซึ่งถามว่าฉันพูดความจริงรึเปล่า ? ฉันพูดถึงเรื่องที่มันเกิดขึ้นกับฉันจริง ๆ ฉันไม่ได้โกหก แต่ฉันรับรู้ได้ว่า .. การเล่าเรื่องเก่าเหล่านั้นทำให้ใจฉันขุ่นมัว ไม่เป็นสุข
วันนี้ฉันรู้สึกต่างออกไปจากสองวันก่อนมาก ฉันรู้สึกว่า .. ถึงแม้ว่ามันคือความจริง แต่ฉันจะไม่พูดความจริงที่ให้ใจตัวเองขุ่นมัว ฉันนึกถึงคำจากจดหมายข่าวที่ได้อ่านจากเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวว่า การที่เราจริงใจกับใครสักคน ... แล้วไม่ได้รับความจริงใจกลับมานั้น อย่าได้ไปท้อ และหมดกำลังที่จะทำต่อไป ให้ระลึกไว้ว่า การได้รับสิ่งที่ไม่ดีกลับมานั้น
คือการชดใช้สิ่งที่เราเคยทำไว้กับคนอื่น แล้วเมื่อเราชดใช้หมด เราก็จะได้รับความจริงใจกลับมานั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าได้หยุดที่จะจริงใจกับทุกคน ถึงแม้ว่า คนคนนั้นจะทำร้ายเราก็ตาม
ฉันกำลังชดใช้สิ่งนี้อยู่นั่นเอง ฉันจะไม่เอ่ยปากเรื่องราวที่ทำให้จิตใจขุ่นมัว แล้วก้มหน้าจริงใจต่อไป ฉันเชื่อในการประพฤติดี ปฎิบัติชอบของตัวเอง ว่าสักวัน .. เมื่อฉันชดใช้วิบากกรรมของฉันหมดในเรื่องนี้ ฉันก็จะได้รับความจริงใจจากคนมากขึ้น แต่ก็อดดีใจลึก ๆ ไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ฉันมีกัลยาณมิตรอยู่รายล้อม ซึ่งแสดงว่า ฉันก็ได้ปฎิบัติดีและจริงใจกับคนอื่นมาพอสมควรทีเดียว ดังนั้น .. ฉันจะไม่ย่อท้อที่จะทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ฉันรู้แล้วว่า ถ้ามีเหตุที่จะทำให้ฉันต้องละเมิดศีลอีก ฉันจะวางเฉย และนิ่งให้มากกว่านี้ ซึ่งนั้นคือการ รู้สติ นั่นเอง ฉันจะต้องรู้ว่า อารมณ์ที่จะโกรธกำลังเกิดขึ้น ฉันจะดับมันอย่างไร ฉันกำลังจะโต้ตอบเพราะความขุ่นมัว ฉันกำลังจะต่อกรรมให้ตัวเอง ฉันควรจะระงับการต่อกรรมนั้นอย่างไร
เอาหละ .. มาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ด้วยการมีสติที่รู้ตัว และระลึกได้ให้มากขึ้น
5 พ.ย. 2547
เวลา 23:53 น.
|