แม่ค้าปลาทูน้อย
หลายครั้งที่ปลาทูมาคุยว่า อยากเอาของตั้งขายหน้าบ้าน หรืออยากให้แม่ทำขนมไปขายหน้าโรงเรียนให้ที เหตุผลง่าย ๆ ของเด็กคือ หนูจะได้มีเงินเอง จะได้เอาไว้ซื้อขนม หรือของเล่นที่อยากได้เอง หรือแม้แต่เรียนพิเศษที่อยากเรียน บอกตามตรงเลยว่าแม่ยุ้ยคิดอยู่นานมาก ว่าจะตัดสินใจให้ปลาทูไปลองขายของ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง
อย่างแรกเลยคือ ถ้าลูกได้ลองไปขายเอง อย่างน้อย ๆ เราก็สอนเขาได้ในหลายแง่มุม ซึ่งเด็กคงคิดแค่สนุกและง่าย ๆ เพราะจากที่เห็นแม่และพ่อขายของ ก็ไม่ได้ยากอะไรในสายตาเด็ก ดังนั้น .. ครั้งนี้คือการทำให้ลูกได้เข้าใจคำว่า ” กว่าจะได้เงินมา มันไม่ง่าย ” แล้วเวลาเงินที่หามาไม่ง่าย เวลาจะใช้ เชื่อเลยว่า ต้องคิดมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นการคิดแบบเด็ก ๆ ก็เหอะ และในแต่ละขั้นตอนแม่ยุ้ยพยายามให้ปลาทูเข้ามามีส่วนร่วมทั้งหมดเช่นกัน อะไรสอนได้ สอน อะไรบอกได้บอก และให้ลงมือทำเอง
แม่ไปเอาของจากบ้านเพื่อนมาให้ขาย นั่นหมายความว่า แม่ไม่ต้องลงทุนค่าของ ขายได้แล้วเอาทุนไปคืนเขาพอ เมื่อได้ของมาแล้ว แม่ยุ้ยจึงให้ปลาทูเริ่มต้น จดรายการว่า เราเอาของอะไรมาขายบ้าง จำนวนเท่าไหร่ จะบอกว่า วิชาภาษาไทยมาเต็มคะ สะกดคำ กันพัลวัน ขอบอก แต่นี่ไงคะ อย่างแรกที่ได้เรียนรู้ จากนั้นก็อธิบายว่าเราจะต้องตั้งราคาขายสินค้าของเรานะลูกนะ เด็กตอบทันทีเลยว่า
” หนูอยากขายทุกอย่าง 20 บาทหมดเลยคะแม่ เพราะเพื่อนมีแต่แบงค์ยี่สิบมา ”
ทีนี้แม่ต้องสอนแล้วซิว่า เราไปเอาของมา เราต้องเอาเงินค่าของไปจ่ายคืนเขานะลูก ถ้าขายถูกกว่าเงินที่เราไปซื้อของมา นั่นแปลว่า “เราขาดทุน” แล้วคนขายของ จะต้องมี กำไร คือการขายได้มากกว่าที่เราซื้อมาขาย แบบนี้ลูกเข้าใจไหมคะ ถ้าหนูจะขาย 20 บาท แต่เราต้องเอาเงินไปจ่ายคืนค่าของ 30 บาท หนูคิดซิว่า จะเกิดอะไรขึ้น เงินไม่พอ 10 บาท ใช่คะลูก แล้ว 10 บาทที่ไม่พอ ลูกจะเอามาจากไหน ถ้าขายแค่ 20 บาท เด็กนิ่งไป !! แม่เลยบอกว่า ดังนั้นเราต้องขายมากกว่า 30 บาทใช่ไหม ถ้าเราขาย 40 บาทหละ เด็กเริ่มคิดตามทัน อ๋อ เราจะได้ 10 บาทนั้นไงแม่ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว .. แม่เป็นคนทำราคาขายให้ เด็กช่วยติด ช่วยคิด ช่วยบอกว่า อันนี้เพื่อนชอบแน่ ๆ อันโน้นเพื่อนไม่น่าชอบ
จากนั้นเมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว ก็ช่วยแม่ติดราคาขายที่ตัวของ อันนี้สนุกสนานมาก แปะแข้งแปะขากันมันส์ไปเลย กดผิด กดถูก แล้วแม่ก็ให้ปลาทูเขียนป้าย เพื่อให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารู้ว่า เราขายอะไร ให้เด็กคิดเอง เขียนเอาเอง
ขายของญี่ปุ่น เอามาจากญี่ปุ่น พร้อมมีภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ อาจจะเหมือนซาลาเปาไปสักหน่อย แต่ก็ฟูจินะคะ แต่ถูกใจแม่ตรงที่ มีเด็กขายกับแม่ แม่กับเด็กคะ เพราะร้านนี้เราช่วยกัน เลยเป็นเด็กกับแม่ แม่กับเด็ก ทางโรงเรียนเปิดให้ผู้ปกครองนำสินค้ามาขายได้หน้าโรงเรียน โดยคิดค่าเช่าที่ 100 บาท ให้ขายได้เฉพาะวันศุกร์ ที่ผ่านมาก็มีหลายอย่างที่มาวางขายกัน ไม่ว่าจะเป็น ผักบุ้ง ผักสลัด กับข้าว ขนมหวาน ของเล่น เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าผู้ใหญ่ ก็จะได้เห็นกันเป็นประจำทุกวันศุกร์ที่หน้าโรงเรียน บางทีก็มี 2 เจ้า บางทีเยอะ ๆ ก็ 5-6 เจ้าว่ากันไป
ก่อนจะถึงวันศุกร์ บอกเลยว่าเจ้าตัวตื่นเต้นมากคะ ไปโฆษณาเพื่อน และครูเสียมากมายว่าจะมาขายของ ระหว่างสัปดาห์มีคำถามกลับมาถามแม่ว่า ทำไมเราของเราถึงแพงกว่า 20 บาทหละแม่ ??? แม่ก็ตอบไปว่า ของทุกชิ้นนั่งเครื่องบินมาจากญี่ปุ่นเลยลูก เลยต้องหลายสิบบาทหน่อย ถ้ามาจากสำเพ็งก็คงถูกกว่าเพราะนั่งแค่รถเมล์ไง ก็เหมือนจะเข้าใจนะ .. แล้วก็บอกว่า อ๋อ ของเรามาจากญี่ปุ่น (ทำเสียง ทุ้ม ๆ จี่ปุ่น ตามสไตล์เขา) คืนก่อนขายของ แม่ให้เอากระป๋องใส่เงินมา พร้อมให้นับว่า แม่เตรียมเงินทอนเป็นแบงค์ 20 กี่ใบ เหรียญแต่ละแบบกี่เหรียญ พร้อมสั่งไว้ว่า เลิกเรียนปุ๊ปให้รีบลงมาช่วยแม่ขายของนะ ระหว่างช่วงเวลาเตรียมก่อนวันศุกร์ จะบอกว่า งานบ้านเสร็จไวมากคะ เพราะแม่บอกไว้ว่า การบ้านเสร็จ ต้องมาทำงาน เตรียมของไปขายนะลูกนะ หนูต้องทำเอง ทำไม่ทันวันศุกร์ก็ไม่ได้ไปขายนะ
แหม !!! การบ้านเสร็จไวปานสายฟ้าแล็บแท้ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ เลยยยยยย
เป็นไปตามที่สั่งไว้คะ เลิกเรียนปุ๊ปมาเลย แถมมาเอาคิตตี้ที่ขอแม่ จะเอาไปฝากครูประจำชั้นไปให้ครูก่อนจะมาขายของด้วย
ทีนี้ก็สนุกหละคะ ลูกค้าตัวน้อย ลูกค้าตัวใหญ่ เต็มไปหมด เวลาคิดเงินทอนก็ สนุกสนาน เพราะแม่ค้า ป. 1 ลูกค้า ป. 2 ลบเลขกันนัวเลย ทีนี้วิชาคณิตศาสตร์ มาซิคะ ลูกค้าให้แบงค์ 100 บาท ซื้อของ 60 บาท ต้องทอนกี่บาทคะแม่ค้า
พ่อต้องให้ยืมนิ้ว เพราะแม่ไม่ยอมให้ใช้เครื่องคิดเลข แล้วหันไปบอกคุณลูกค้าว่า รอนิดนึงนะคะ พอคิดออกว่าต้องทอนเท่าไหร่ ฝั่งลูกค้า ก็มีคุณแม่คอยบอกข้าง ๆว่า ถูกไหมคะลูก น้องทอนเท่านี้ ลูกค้าก็คิดเลขอีกเช่นกัน
จะบอกว่า สนุกมากคะสำหรับการขายของครั้งแรกของปลาทู สักพักจะมีเพื่อนมาซื้อของ พอซื้อเสร็จ เพื่อนบอกว่า ปลาทู ขอเค้าขายด้วยคนซิ ทีนี้แม่ค้าเต็มร้าน บานเลยคะ พอไม่มีคนซื้อ แม่ค้าก็เล่นขายของกันเอง ผลัดกันมาทำท่าซื้อ ไป ๆ มา ๆ มันเหมือนกับการได้เล่นขายของที่ได้รับเงินจริง ๆ ได้หยิบของใส่ถุงจริง ๆ มีของจริง ๆ เล่น
แม่ยุ้ยว่า มันคือประสบการณ์ที่ดีนะคะ สำหรับเด็ก ๆ ที่ทำให้รู้ว่า มีขั้นตอนแค่ไหนยังไง กว่าจะได้เงินมา เมื่อปิดร้านไปแล้ว ภารกิจแม่ค้าก็ไม่ได้จบแค่นั้นนะคะ ยังต้องกลับมานับเงิน เอาเงินทุนไปคืน แล้วค่อยรู้ว่าตัวเองเหลือกำไรเท่าไหร่
เริ่มจากการนับว่าได้เงินมาทั้งหมดเท่าไหร่นะ แล้วเด็ก ป. 1 ยังไม่ได้เรียน คูณ แม่ยุ้ยก็กำลังจะสอนให้คิด ให้นับก่อนว่ามีแบงค์ยี่สิบกี่ใบ แล้วลูกคิดซะว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นเงินกี่บาท ลองเชิงเด็กก่อนว่ารู้ไหม เด็กตอบว่า “ก็แบ่งเป็นกอง กองละ 100 บาทไงแม่ ” เออเข้าท่า รู้เหมือนกันนินา แม่เลยถามต่อว่า แล้ว 100 บาทมีกี่ใบลูก ได้คำตอบว่า 5 ใบคะแม่ เลยสามารถนับต่อได้ว่า มีเงินทั้งหมดเท่าไหร่ แต่พอเจอเหรียญบาทหลายเหรียญเด็กถึงกับเอ่ยปากว่า เหรียญบาทหนูไม่เอาได้ไหมแม่ มันเยอะ หนูไม่นับได้ไหม แม่เลยบอกว่าไม่ได้ซิ ไม่งั้นถ้าไม่นับ แม่เอานะเงินน่ะไม่ให้หนูนะ สุดท้ายก็ใช้ความพยายามทำจนเสร็จ .. เพื่อนแม่เจ้าของสินค้าก็ใจดี ออกค่าที่ให้ และค่าแรงปลาทูด้วยในการขาย กำไรที่ได้ทั้งหมด เก็บเข้าบัญชีสำหรับใช้จ่ายค่าเทอมและค่าเรียนพิเศษเรียบร้อย
แม่ยุ้ยบอกเลยว่า ภารกิจของแม่อย่างเรา คือการสอนให้ลูกรู้จักหากินเองเป็น เมื่อเราไม่อยู่แล้ว เคสนี้ทำให้แม่เบาใจได้ว่า ปลาทูไม่หน้าบาง ไม่อายที่จะขายของ และรู้ว่า ทำไมเราต้องทำ ข้อนี้แม่บอกเลยว่า แม่ชื่นใจ นี่หละคะ ความไม่พร้อมที่สอนเราได้เสมอ แล้วแม่ก็ได้เล่าให้ปลาทูฟังว่า สมัยแม่ตัวเท่าหนู แม่ทำอะไรขาย แม่โตมากับป้าที่เป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ ป้าเก็บหลอดยาชาที่ใช้เวลาถอนฟันมาบ้านแล้วสอนให้เอาไหมญี่ปุ่นยัดเข้าไป แล้วทำเชือกคล้องคอ ทำเสร็จก็เอาไปเดินขายเพื่อน ๆ พยาบาลของป้า และคนในโรงพยาบาล นี่หละคะ ชีวิตแม่ยุ้ยตอน ป. 4 โตกว่าปลาทูหน่อย เป็นเด็กที่เดินเข้าเดินออกอยู่ในโรงพยาบาลรัฐบาลในช่วงเวลาปิดเทอม ช่วยเดินบัตรคิวคนไข้ ช่วยถือแฟ้ม ช่วยเรียกคนไข้ วันนี้ .. แม่ได้ส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปยังรุ่นลูกแล้ว