ทุกกระการทำของเรา มีผลลัพธ์ตามมาเสมอ
ทุกกระการทำของเรา มีผลลัพธ์ตามมาเสมอ สิ่งที่แม่เฝ้าสอนลูกมาตั้งแต่เล็กคือเรื่องนี้ค่ะ “ทุกการกระทำของเรา มีผลลัพธ์ตามมาเสมอ” แม่จะค่อย ๆ อธิบายด้วยสิ่งที่ลูกเข้าใจง่าย ๆ ตามวัยของลูกแต่ละช่วง
ถ้าหนูไม่กินผัก ผลไม้ และดื่มน้ำน้อย หนูจะท้องลูกนะลูก
ถ้าหนูไม่แปรงฟันก่อน ฟันก็จะผุและปวดฟัน
ถ้าหนูเดินไม่ระวัง หนูก็อาจจะหกล้มได้
ถ้าหนูไม่ทำการบ้าน ถึงเวลาต้องส่ง ครูก็จะต้องดุหนูนะ
ถ้าหนูไม่กินให้ครบมื้อ ไม่นอนให้พอ หนูจะป่วยในสักวัน
สิ่งที่ชวนลูกคุยในช่วงประถามปลายและมัธยมตอนนี้คือ “ทุกการกระทำของเรา มันเกิดมาจากการตัดสินใจของเราเอง ไม่ใช่คนอื่น ดังนั้น การโทษคนอื่น ไม่ใช่นะ มันคือตัวเราเอง เช่น ถ้าเพื่อนชวนทำเรื่องไม่ดี เรารู้ว่าไม่ดี แต่เรายังทำตามเขา ผลมันจะส่งมาที่เรา ในทางกลับกัน ถ้าเขาชวนแล้วเราไม่ทำตาม ผลมันก็ไม่มาเกิดกับเรา คนชวนก็เรื่องนึง แต่คนทำคือเรานะลูก คิดให้ดี ถ้าเราไม่ตัดสินใจทำตามคำชวน เรื่องมันก็ไม่เกิดขึ้น
เรื่องเรียนของลูก แม่ก็ใช้แนวทางนี้เช่นกัน ไม่อ่าน ไม่สนใจ ไม่ทำงานส่ง ผลการเรียนมันออกออกมาแบบนั้นหละ แล้วที่สำคัญ คนเรียนคือหนูนะลูก ไม่ใช่แม่ คนต้องไปเครียปัญหากับครูคือหนู ไม่ใช่แม่ ถ้าใครที่ตามกันมานานจะรู้เลยว่า แม่ยุ้ยใช้แนวทางนี้ตั้งแต่ลูกอนุบาล สมุดจดการบ้าน จดมายังไง ก็ทำตามกันไปแบบนั้นนะ แม่มีหน้าที่เซ็นต์ชื่อและถามว่า ทำครบแล้วนะ พอโตขึ้นเรื่อย ๆ แม่เริ่มปล่อยมือได้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนช่วงประถมปลายนี่ แม่แทบไม่ต้องยุ่งอะไรด้วยเท่าไหร่ และมัธยมปีแรก บอกเลยว่า “แม่สบายมาก” ไม่เคยต้องไปอะไรด้วยเลยกับลูก ต้องส่ง ต้องทำอะไร ลูกจัดการเองเสร็จสรรพ
มีปัญหาติดขัด มาปรึกษาแม่กับพ่อนะ มาบ่นให้ฟัง แต่พ่อกับแม่ก็ใช้วิธีที่ว่า “ถ้าเป็นแม่นะ เรื่องนี้แม่จะจัดการแบบนี้ หนูลองคิดดูว่า หนูจะจัดการแบบไหน” มีค่ะปัญหา ไม่ใช่ไม่มีเลย งานกลุ่มทำ เพื่อนทำไม่ทำตามที่แบ่งงาน เพื่อนทำงานที่ทำเสร็จแล้ว ลบไฟล์ผิด เพื่อนแบ่งงานกันแล้ว พอถึงเวลาใกล้ส่ง เพื่อนบอกไม่ว่างทำแล้ว ต้องไปเรียนพิเศษ ต้องอ่านหนังสือสอบ ไม่มีเวลาทำงานกลุ่ม เจอกันมาทุกรูปแบบค่ะ และเชื่อว่าไม่ใช่แค่บ้านเราหรอกที่เจอปัญหาแบบนี้ เด็ก ๆ เจอกันหมด
เด็ก ๆ ต้องได้เรียนรู้ค่ะ ต้องคิดหาวิธีที่จะจัดการแก้ไขปัญหาของการทำงานร่วมกัน ทุกคนต้องทำทั้งงานตัวเอง ทำงานกลุ่ม ก็ได้รู้จักเพื่อนในมิติต่าง ๆ มากขึ้น ลูกก็ได้คิดหาวิธีที่จะ “อยู่ร่วมกับเพื่อน” ทั้งเพื่อนในแบบที่ถูกใจกัน และไม่ถูกใจกัน ซึ่งแม่บอกเลยว่ามันเป็นธรรมดาที่ลูกจะต้องเจอคนแบบนี้ในสังคม ในที่ทำงาน นี่คือ “จุดเริ่มต้นแห่งการเรียนรู้วิธีจัดการชีวิต”
คิดทุกอย่างให้ดี ก่อนตัดสินใจลงมือทำ … เพราะผลลัพธ์ของมัน ไม่ได้ส่งไปที่ใคร มันส่งมาที่ตัวเราก่อน และหลาย ๆ เรื่องมันก็กระจายผลไปสู่พ่อแม่ ครอบครัว และคนรอบข้างเช่นกัน นี่คือ สำนึกพื้นฐานที่ควรมีในการใช้ชีวิตนะลูกรัก เราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และก็ไม่ควรยอมให้ใครเอาเปรียบ มันเป็นของคู่กันลูก แต่บางเรื่อง การยอมเสียเปรียบ เพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์มันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน แม่ว่าปีนี้ลูกแม่โตขึ้นเยอะมากจากการใช้ชีวิตเป็นเด็กมัธยมในโรงเรียนใหญ่ ที่มีเพื่อนหลากหลายรูปแบบ และลูกแม่ก็ยังคงเป็นลูกแม่ หนูว่าแบบนี้หนูโอเค หนูก็จะทำของหนูแบบนี้ ได้จ๊ะ แล้วแต่เลย รับผลเอานะ และพ่อกับแม่ก็เคียงข้างลูกเสมอไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน
ไม่ใช่แค่กับเด็กนะคะ ผู้ใหญ่ตัวโต ๆ ก็ควรคิดเรื่องนี้เหมือนกัน ในมุมของการเป็นพ่อแม่ เราก็ต้องคิดนะ หลายครั้งที่เรามักลืมไปว่า เราทำอย่างนึง แต่เราดันอยากได้ผลลัพธ์อีกอย่างซึ่งมันสวนทางกับการกระทำของเราเอง แล้วเราก็ทุกข์ใจไม่จบไม่สิ้น ทบทวนตัวเองกันซะใหม่ วางตรระในใจให้ดี ๆ แล้วคุณจะรู้ว่า จริง ๆ เราใช้ชีวิตไม่ซับซ้อนและมีความสุขได้ไม่ยากเลย ถ้าเราวางใจให้ถูกที่