เลี้ยงลูก คือ การลงทุนระยะยาว
คัดลอกมาจากไดอารี่ส่วนตัวแม่ยุ้ย เมื่อ มี.ค. ปีที่แล้วนะคะ
บ้านเรา .. ไปวัดกันทุกเดือน หรือถ้าไม่ว่างก็จะเป็นสองเดือนครั้ง
แล้ววัดที่เราไป ก็เป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก
เป็นวัดที่หลวงพ่อสมชาย เป็นพระผู้ใหญ่ที่แม่ยุ้ยกราบท่านมาตั้งแต่สมัยเรียนจบ
ท่านคอยชี้แนะ สั่งสอน แม่ยุ้ย เปรียบเสมือน ญาติผู้ใหญ่ มาตลอด
และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง .. ที่ไปวัดเมื่อไหร่ แม่ก็จะได้ข้อคิดดี ๆ กลับมาเสมอ
วันนี้ .. หลวงพ่อสมชาย ท่านมีกิจนิมนต์ แม่เลยไปกราบหลวงพ่อประกอบ
ท่านเป็นพีชายของหลวงพ่อสมชาย ครอบครัวเราไปบ่อย แต่ไม่ค่อยได้คุยมากนัก
แต่ทุกครั้งที่ไป ท่านก็จะสอนอะไรดี ๆ กลับมาเสมอ โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากถาม
หรือว่า เริ่มต้นอะไรเลย ท่านมีคำสอนดี ๆ เสมอ ครั้งนี้ ท่านเห็นลูกของแม่ ก้มลงกราบท่าน
ท่านก็เอ่ยถามว่า .. “ลูกเลี้ยงเองใช่ไหมนี่ ดูรู้นะว่าเด็กคนนี้พ่อแม่เลี้ยงดูเองไม่ได้จ้างเค้าเลี้ยง”
ก็ได้คุณยายตอบท่านไปว่า “ใช่ค่ะ เลี้ยงกันเองไม่ได้จ้างใคร”
ท่านเมตตาเทศน์สอนต่อว่า การเลี้ยงลูกเองเป็นเรื่องต้องเสียสละ หลาย ๆ อย่าง
แต่ผลที่จะได้รับกลับมา รับรองว่า คุ้มแน่นอน เพราะลูกจะซึมซับสิ่งดี ๆ จากเราไปเรื่อย ๆ
ซึ่งถ้าหากเวลาช่วงนี้ผ่านไปแล้ว ก็ไม่สามารถจะไปเรียกร้องขอให้หวนคืนกลับมาไม่ได้
เมื่อลูกโตขึ้นอยากจะมาแก้ไขสิ่งไม่ดี หรือปลูกฝังสิ่งต่าง ๆ ที่ดี ตอนั้นมันก็ทำไม่ได้แล้ว
ดังนั้น การเลี้ยงลูกมันคือการลงทุนในระยะยาว เหนื่อยวันนี้อาจจะยังไม่เห็นผลทันตา
แต่รับรองว่า วันข้างหน้า จะได้เห็นผลที่ชื่นใจแน่นอน พ่อแม่ต้องอดทนหน่อยนะ
ท่านเล่าว่า มีหลายบ้านที่พาลูกมาวัด แล้วก็ให้อยู่วัดกับพระ
เพราะว่า ลูกเกเร ไม่ไปโรงเรียน เอาแต่ใจ เถียงพ่อแม่
แรก ๆ ก็เอาไปโรงเรียน ด้วยหวังว่า ครูจะจัดการกับนิสัยเหล่านี้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ
จากนั้นก็พามาวัด พามาขอให้พระช่วย ทิ้งลูกให้อยู่วัดเดือนนึง พอกลับบ้านไป
ก็เหมือนเดิม นั่นมันเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุแล้ว ลูกมีนิสัยเหล่านั้น ฝังลึกมา 20 กว่าปี
จะให้แก้ไขภายในเดือนเดียว มันเป็นไปไม่ได้
แต่วันนี้ .. ในวัยเด็ก คือวัยที่เราสร้างเหตุให้ดีได้ เราก็ควรทำ เพื่อผลที่ดีในวันข้างหน้า
การสร้างสมอะไรนั้น มีอยู่ 2 แบบ คือการสร้างสมเพื่อประโยชน์วันนี้ และการสร้างสมเพื่อประโยชน์วันหน้า
การเลี้ยงลูก เป็นการสร้างสม เพื่อประโยชน์ในวันหน้า วันนี้เรายังไม่เห็นผลเท่าไหร่หรอก
แล้วการเลี้ยงลูกนั่น เราเลี้ยงเค้าอย่างไร มันก็จะย้อนกลับมาหาเราในวันที่เค้าเป็นผู้ใหญ่นั่นหละ
ส่วนการทำงาน ทำมาหาเงิน มันคือการ สร้างสมเพื่อประโยชน์ในวันนี้
หรืออย่างการเดินจงกรม นั่งสมาธิ มันคือการปฎิบัติเพื่อสร้างสมประโยชน์ในวันหน้า ในชาติหน้า
ใครไม่เคยทำไว้ .. จะมาหวังผลเหล่านั้นย่อมไม่ได้
………………………………………………………………………………
น้อมรับในความเมตตาที่ท่านสั่งสอน จึงนำมาแชร์เพื่อจะเป็นประโยชน์และแง่คิด
ให้กับหลาย ๆ ครอบครัวในการเลี้ยงลูก อย่างน้อย ๆ การช่วยกันสร้างเด็กที่มีคุณภาพ
วันข้างหน้า ลูกเราก็จะมีเพื่อนร่วมสังคมที่มีคุณภาพ สังคมจะได้น่าอยู่ในรุ่นต่อ ๆ ไป
การลงทุนระยะยาว ไม่ใช่มีแต่ในพอร์ตที่เฝ้าลุ้นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แบ่งเวลาเกร็งกราฟการลุงทุน มาอ่านนิทานบ้าง มาเล่นกับลูกบ้าง
รับรองว่า ปันผลที่คุณจะได้รับ มันคือความ ชื่นใจ และความสุขใจ เมื่อลูกคุณโตขึ้น
การพาลูกไปวัด มีอะไรมากมายให้เด็กได้เรียนรู้
เด็กได้เห็น วีถีชีวิตของชาวบ้าน ที่นำอาหารมาถวายพระเวลาเพล
เด็กได้เห็นชาวบ้านช่วยกันล้างถ้วยชามของวัดเมื่อเสร็จเพลแล้ว
หลายครั้งที่ลูกสงสัย และถามเสมอว่า ทำไมคุณยายพวกนี่ต้องเอาข้าวมาให้พระ
ทำไมไม่เก็บไว้เองที่บ้าน .. แล้วทำไมพระไม่ซื้อข้าวกินเอง
ทำไมคนอย่างพวกเราต้องเอาของมาให้พระ
ทำไมเราต้องปล่อยปลา
ทำไมที่วัดมีหมาเยอะแยะ แล้วมันกินข้าวที่ไหน
ทำไมหลวงตาต้องสวดมนต์
ทำไมเราต้องสวดมนต์
เงินในตู้บริจาค หลวงตาจะเอาไปไหน
ทำไมไหว้พระต้องจุดธุป จุดเทียน
ทำไมเวลาสวดมนต์ เด็กต้องไม่วิ่ง ไม่เสียงดัง
และอีกหลายร้อยทำไม ที่แม่ต้องตอบ
วันนี้คำถามเหล่านั้นเป็นข้อมูลที่แม่ ตั้งใจปลูกและฝังเข้าไปในตัวลูก
สิ่งที่แม่ทำ .. สิ่งที่แม่เป็น มันค่อย ๆ ถูกถ่ายทอดไปยังลูก
แม่ไม่ได้หวังอะไรมากไปแค่ ลูกแม่จะรู้จัก ผิด ถูก ชั่ว ดี
จากสิ่งที่แม่พร่ำสอน และทำให้เห็นเท่านั้นเอง
และวันนี้ .. ลูกแม่ได้เรียนรู้ว่า “รองเท้าที่ถอดไว้ที่บันไดศาลา มันจะร้อน”
ใส่รองเท้าร้อน ๆ วิ่งกระโดดดึ๋งดั๋งกันทั้งครอบครัว
แล้วลูกก็ได้รู้ว่า เมื่อร้อนมาก เด๊่ยวมันก็หายร้อนเอง ไม่ต้องร้องให้ใครช่วย
เพราะทุกคนก็ร้อนขาเหมือนกัน แล้วเดี๋ยวไปวัดคราวหน้า
แม่จะลองชวนให้คิดดูว่า เราจะถอดรองเท้าไว้ตรงไหนดี ที่มันจะร้อนน้อยกว่าคราวก่อน