ทำความเข้าใจวัยรุ่นมือใหม่
😅 ทำความเข้าใจวัยรุ่นมือใหม่ #แม่วัยรุ่นใจต้องนิ่ง
📣 หลังจากปล่อย แฮทแท็คใหม่ออกไป #แม่วัยรุ่นใจต้องนิ่ง มนุษย์แม่ล้นหลามที่มีลูกวัยเดียวกัน ต่างเข้ามาพูดคุย บางบ้านผ่านมาแล้วก็ส่งกำลังใจมากันมากมาย ขอบคุณนะคะในทุก ๆ กำลังใจและความเห็นอกเห็นใจทั้งมวลที่ส่งกันเข้ามา
⭐️ บางบ้านเริ่มเก็บข้อมูลกันว่า เดี่ยวต้องเจอแบบนี้ซินะ เมื่อลูกกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนวัยจาก พรีทีน เป็น เกือบ ๆ ทีน และทีมเต็มขั้น วันนี้เลยหาเวลามาเขียนให้ฟังกันบ้าง บ้านเรา “ปรับตัว” และ “เปิดใจ” กันมาแบบไหนแล้วบ้าง
‼️ ที่จะเล่าให้ฟังเป็นเพียงสิ่งที่บ้านเราทำอยู่ ไม่ใช่หลักการแพทย์ที่หมอแนะนำ หรือมีคู่มือใด ๆ แม่เองหาข้อมูล อ่านและปรับตัวกับเด็กทีบ้าน ดังนั้นอันนี้ประสบการณ์ล้วน ๆ ไม่มีถูกผิดนะคะ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันตามประสา สมาคมแม่วัยรุ่นนะ
☘️ ถ้าตามกันมาเรื่อย ๆ จะเห็นว่า แม่ยุ้ยเองก็เตรียมใจ เตรียมข้อมูลรับมือไว้พอสมควร เพราะรู้จักลูกตัวเองประมาณนึง เห็นหลาย ๆ พฤติกรรมเปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วง ป.6 และเริ่มพีคขึ้น สวิง เหวี่ยงมาเรื่อยจน ช่วงเตรียมสอบเข้า ม.1 และตอนนี้เราเริ่มหาจุดเชื่อมต่อ และจุด “ปลอดภัย” ของแม่และพ่อ ในการ “สงบ” ตัวเองในขณะที่วัยรุ่น ยังสงบไม่ลงได้แล้ว 🤣 มา ๆ มาฟังกัน
เตรียมศึกษาข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจของวัยรุ่นไว้ให้ดีค่ะ เพื่อเราจะ “เข้าใจ” ลูกได้มากขึ้น ช่วงวัยนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับลูกมีเยอะมากจริง ๆ ร่างกายเขาก็เปลียน ฮอร์โมนก็เริ่มทำงาน จิตใจเขาก็มีสิ่งแปลกใหม่เข้ามาวนเวียนมากมาย แถมยังต้องเจอภาวะความเครียด กดดัน จากการต้องสอบเข้า ม.1 ในช่วงโรคระบาดที่ผิดจากแผนปกติอีก
สมองในส่วนของการแสดงอารมณ์ ความกล้า มันทำงาน กำลังพัฒนา และส่วนของการควบคุม การยับยั้ง และการมีสติ ยังคงไม่ได้พัฒนานัก (อันนี้จำมาคร่าว ๆ นะคะ ไปหาข้อมูลเป๊ะ ๆ กันเอานะ ) คุณหมอประเสริฐท่านเขียนไว้ในแฟนเพจลองตามอ่านกันว่า จากหนอนน้อยกำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ ซึ่งมันจะเป็นคนละเรื่องกันเลย เขาจะไม่เหมือนเดิม เขาจะเป็นตัวของตัวเองชัดเจนขึ้น และกำลังอยู่ในช่วงของการค้นหาเอกลักษณ์ของตัวเอง
‼️ดังนั้น !! เราต้องเข้าใจในข้อนี้ให้มาก มันคือการเปลี่ยนแปลง สังเกตลูก เขากำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จักมันมาก่อน เราต้อง เย็นลง เพือคอยประคับประคอง นี่ขนาดเตรียมในไว้แล้วนะจ๊ะ ข้อมูลก็หามานะจ๊ะ ไม่ใช่ ไม่รู้ รู้อยู่ แต่บางจังหวะ เจอจัง ๆ ก็ยังอึ้งค่ะบอกเลย มีวาระน้ำตาร่วง กอดคอกันร้องไห้ มีมาหมดจ๊ะ
✅ คำแนะนำข้อที่ 1 : นิ่งไว้ก่อนนะแม่นะ สมองเราพัฒนาครบหมดแล้วนะแม่นะ นิ่งให้ได้มากที่สุด เงียบไว้ก่อน มีอะไรฟังให้มาก ๆ แล้วฟังแล้วก็ฟัง อะไรไม่ไหว เก็บไว้ก่อนในใจให้ได้มากที่สุด (ย้ำว่า เก็บไว้ในใจก่อนนะแม่นะ อย่าเพิ่ง เหวี่ยงใส่กัน เพราะมันจะจบที่ ราบเป็นหน้ากลองเละเทะไม่เป็นท่า แม่เป็นมาก่อน เลยย้ำให้รู้ไว้)
✅ คำแนะนำข้อที่ 2 : จับทิศทาง อารมณ์ลูกให้ได้ค่ะ ดูให้รู้ว่าลูกฟิวไหนตอนนี้ โกรธมาก โกรธมากกว่าตากี้ เซ็งอยู่ เซ็งจัดชัดเจน หรือเบาแล้วเข้าหาได้ ที่มันจะวนเวียนอยู่ไม่กี่อย่างหรอกลองดูดี ๆ หงุดหงิดทุกสิ่ง ไม่พอใจสักกะอย่าง บางทีแม่เอ่ยมา 3 คำยังหงุดหงิดฉันได้ ฉันพูดไรผิดว๊าาาาาา บางทีก็ขำตัวเองเหมือนกัน นี่แม่ใช่ไหม หรือใครเป็นแม่วะเนี่ย คิดซะว่า ไม่เป็นไร เข้าให้ถูกจังหวะเป็นใช้ได้ เพราะถ้าก้าวขาผิด หน้าหงิกนะคะจะบอกให้ ดีไม่ดี เหวี่ยงใส่
สังเกตได้แล้ว เราจะรู้จังหวะหลบ จังหวะกอด จังหวะขำ (บางทีขำผิดเวลา แม่ก็โดนซิค่ะ) นีขนาดสังเกตแล้ว ก็ยังโดนอยู่นะ แค่น้อยลง จำไว้ว่า วัยนี้ ไม่อยากฟังแม่พูดแล้วนะ อยากให้แม่ฟังเขาพูดมากกว่า ท่องคำนี้กันไว้ให้ขึ้นใจ ฟังค่ะฟัง ให้เขาพูดมา เขาพูดกับเราดีกว่าเขาพูดกับเพื่อน เขาบอกเราดีกว่าเขาเก็บไว้นะ
✅ คำแนะนำข้อที่ 3 : พูดกันตอนอารมณ์ดี ๆ จับทางให้ได้แล้วจะรู้ว่า เราควรพูดตอนไหน แล้วสิ่งที่พูด เอาสั้น ๆ บางทีเล่ายาว หมดเวลาค่ะแม่ จริงใจที่จะพูดกันตรง ๆ ด้วยความหวังดี มีเมตตา ลืมการประชด เอาชนะ หรืออยากให้ลูกทำในแบบที่เราอยากให้ทำไปเลยค่ะ ตอนนี้แม่ทำเพียง อธิบายสิ่งที่แม่ทำเพราะอะไร จบ !!! เขาจะเลือกทำตามไหม เขาจะรับไปคิดไหม เรื่องของเขา เราทำได้แค่นี้จ๊ะ
✅ คำแนะนำข้อที่ 4 : เคารพในพื้นที่ส่วนตัว และความคิดของลูก อะไรที่ลูกบอก อย่าทำ บ้านนี้เราฟังเขา เราทำตามในสิ่งที่เขาขอนะ ไม่ให้ถ่าย แม่ก็ไม่ถ่าย แม่ให้โพส แม่ก็ไม่โพส ไม่ให้เล่า แม่ก็ไม่เล่า และแม่คิดว่า จุดนี้ทำให้เขาเชื่อใจเราด้วยนะ
แม่กับพ่อหาอะไรทำกันไปค่ะ เราไม่ต้องโฟกัสเขาเหมือนสมัยเขาเด็ก ๆ แล้ว เขาต้องการความช่วยเหลืออะไร หรืออยากทำอะไรร่วมกับเรา เขาจะเอ่ยปากเอง เขาอยากทำอะไรเขาจะบอก คือที่บ้านเลี้ยงกันมาให้กล้าพูด เราก็ต้องกล้ารับฟัง
แม้จะมีบางครั้งที่ คำลูกมันบาดใจเหลือเกิน ก็ให้เขาพูดค่ะ เรารับฟัง แล้วกลับมาคิด มันจริงไหม ? ลูกพูดมา มันคือภาพสะท้อนตัวเรานะ ถ้ามันจริงเราก็ยอมรับ ถ้าต้องปรับเราก็ปรับ ถ้าต้องขอโทษแม่ก็ขอโทษนะ แต่ถ้าไม่ใช่ แม่ก็ขออธิบาย และบอกเลยว่า หลายครั้ง สิ่งที่ลูกเห็น คือสิ่งที่เราไม่เคยมองเห็นตัวเอง พอเราเปิดใจรับฟัง เออเราได้มุมใหม่ ได้ค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแบบที่เราไม่เคยเห็น ถือว่าเป็นโอกาสดีในการดึงจุดที่ควรปรับมาปรับกันอีกรอบ
แต่มันยากตรง “กล้าเปิดใจยอมรับฟัง” ในความจริงที่เราไม่เคยมองตัวเองออกนี่หละคะ บางจังหวะเราก็เห็นเลยว่า อยากจะโต้ตอบ อยากจะตอบกลับไปเดี๋ยวนั้น แต่ด้วยความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ข้างต้นที่เขียนมา ทำให้แม่เงียบก่อน แม่ฟังก่อน และหาจังหวะดี ๆ คุยกัน ทุกวันนี้ เรามีเส้นที่รู้กันว่า อันนี้แตะได้ อันนี้ไม่ต้อง ตรงนี้จัดการเองได้ ตรงนี้ต้องการความช่วยเหลือ
สองคนพ่อแม่ มองตากันรู้เลยในบางเรื่องว่า โอเค .. เธอถอย ฉันถอย เราถอย ปล่อยมันไปก่อน แต่เราจะมีจังหวะที่ทุกคนพร้อมรับฟัง แล้วประชุมร่วมกัน เวลาที่อารมณ์ลดลง สมองโล่ง ใจจะเบา แล้วเราค่อยคุยกัน
❤️ เข้าใจในวัย เปิดใจรับฟัง และกล้าที่จะยอมรับความจริง
สายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจะช่วยพยุงและผูกพันเราเอาไว้ด้วยกันค่ะ ช่วงนี้ลูกจะรู้สึกตัวไวขึ้นมากกว่าช่วงแรก ๆ อาจจะเพราะเราปล่อยให้อารมณ์ของเขาพีคและสงบลงเอง แม่สอนเขาว่า ให้คอยดูนะ เวลาหงุดหงิด โมโห มันจะค่อย ๆ เบาลงไหม ดูไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกตัวไหมว่า เวลาหงุดหงิด โมโห โกรธ มันเหนื่อยกว่าเวลาสบายใจและสนุก เรามีหน้าที่ดูมันเกิดขึ้น และเบาลง จนมันดับไปนะลูกนะ แม่เข้าใจว่ามันยังควบคุมไม่ได้ เดี๋ยวอยู่กับอารมณ์ไปนานขึ้น หนูจะค่อยๆ เห็นมันเอง
อธิบายให้ฟังว่า ทำไมวัยรุ่นบางคนถึงกล้าทำร้ายคนอืน ทำไมบางคนถึงกล้าทำในสิ่งที่ดูแล้วไม่น่าจะกล้า มันคือความคึกคะนอง มันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงที่ขาดการฝึก “ควบคุม” และไม่มีการปลูกฝัง รากฐานแห่งการแยกแยะถูกผิด ดีชั่วมาตั้งแต่ต้น
ไม่ต้องถูกทุกข้อ ไม่ต้องสงบ นิ่งจนไม่แสดงอารมณ์เลย แม่ไม่ได้บอกให้เป็นแบบนั้น มันเป็นธรรมชาติ แค่มีอะไรบอกแม่ บอกพ่อ รู้สึกยังไง ต้องการอะไร สื่อสารออกมา แล้วเราจะเข้าใจกัน เอาแบบนี้นะลูกนะ
ในตัวเหตุการณ์ต่าง ๆ เล่าไม่ได้นะคะ เจ้าตัวไม่อนุญาต เอาเป็นว่า โดยรวมจากความคิดแม่ คือประมาณนี้นะที่เห็นว่า แม่หากิจกรรมทำเช่น ออกกำลังกาย วาดรูป ระบายสี ทำขนมปัง คือการผ่อนคลาย เพื่อให้เราสบายใจ ไม่ไปโฟกัสจับจ้องที่ทุกพฤติกรรมของลูก ตอนนี้ลูกต้องการพื้นที่ในการ ทดสอบตัวเองในหลาย ๆ เรื่อง เขาต้องการจัดการชีวิตตัวเอง เราต้องให้โอกาสได้ลองค่ะ
นี่อาจจะเป็นแค่เพียงบทที่ 1 เท่านั้นนะ ต่อไปเจออะไร ถ้าเรามีการสื่อสารกัน และมองลูกด้วยใจเมตตา ไม่คาดหวังว่าเขาจะเหมือนเดิม และดีในทุกสิ่ง ไม่เละเทะเลยแม้แต่นิด เราจะเข้าใจ และเราจะประคับประคองกันไปจนได้
บ้านเราไม่ฝืน ไม่ขัด แค่สอนให้รู้จักและสื่อสารให้เข้าใจ
#แม่วัยรุ่นใจต้องนิ่ง
หวังว่าจะมีประโยชน์กับบ้านอื่น ๆ นะคะ
#แม่ยุ้ยThePlautStory