ไม่รู้ว่าเราจะมี ” พรุ่งนี้ ” ได้อีกกี่วัน
ใครที่เก็บความขุ่นเคือง เศร้าหมองไว้กับตัวเองนาน ๆ อยากให้คิดเสียใหม่นะคะ เวลาในชีวิตของเราทุกคน ถูกนับถอยหลังอยู่ทุกนาที มันคือเรื่องจริง ที่ทุกคนปฎิเสธไม่ได้เลย
แต่เรามักจะไม่ยอมรับความจริงข้อนี้กัน จนบางทีก็หลงลืมไปเลยว่า เรามีเวลาเหลือน้อยลงในทุก ๆ วัน จึงทำให้เราหมดเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ควรจะไปเสียเวลากับมันมากมาย
โกรธใครข้ามเดือน ข้ามปี
เสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
ขุ่นเคืองจนตัวเองเป็นทุกข์
จมกับความผิดหวังแบบไม่มีวันจบสิ้น
ความตาย อยู่ใกล้ตัวเรานิดเดียว แค่เพียงชั่วลมหายใจ แต่เรากลับไม่คิดว่ามันสำคัญ ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งที่ไม่ควรจะสำคัญ
ปล่อยใจให้ทุกข์ทนอยู่กับอดีตที่แก้ไขไม่ได้ วาดหวังเฝ้าฝันกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จนลืมไปว่า “ปัจจุบันตรงหน้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดต่างหาก”
ลองคิดเรื่องนี้กันใหม่อีกทีนะ … ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ตื่น เรายังติดค้างอะไรกับใครไว้บ้าง หรือยังอยากทำอะไรแล้วยังไม่ได้ทำบ้าง ถ้ามีโอกาสได้ตื่นลืมตามาพร้อมลมหายใจ จงไปทำสิ่งเหล่านั้นเสียให้เต็มที่ เผื่อว่าคืนนี้เราอาจจะไม่ตื่นอีกเลยก็ได้
หลายคนชอบคิดว่า เดี่ยวมีเวลา มีโอกาสก็ยังทัน
จะรู้ได้ยังไงว่า ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าเราจะยังหายใจอยู่
เรารู้แค่วินาทีตรงหน้านี้เท่านั้นจริง ๆ
เตรียมตัวเองให้พร้อม เพื่อจะเผชิญความจริงในเรื่องนี้อย่างเข้าใจ
กอดลูกไว้ทุกวัน บอกรักกันให้ลูกรู้ว่าเรารักเขาแค่ไหน
ให้เวลาที่เรามีกับลูกไว้ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
และอย่าลืมที่จะเตรียมความพร้อมของลูกไว้เสมอ เพื่อให้เขาอยู่ได้ในวันที่เราไม่ตื่นแล้วอย่างมีความสุข
สำหรับแม่ยุ้ยเอง ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา ได้ตั้งปณิธานในใจเอาไว้เลยว่า หลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตเพื่อคลายความ “ห่วง” ที่มีอยู่ให้ได้มากทีสุ่ด เผื่อว่าวันนึงที่เราไม่ตื่นแล้ว เราจะได้จากไปแบบไม่มีห่วง
ถ้าเราคิดในมุมนี้ … การใช้ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว เราจะหันมาเห็นคุณค่าของการอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น และไม่อมทุกข์หรือเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจนานจนมันบั่นทอนตัวเราเอง